น้ำพุเทรวี
น้ำพุเทรวี (อิตาลี: Fontana di Trevi, อังกฤษ: Trevi Fountain') เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต ) และกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต ) และน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม
ประวัติก่อน ค.ศ. 1629 ของสะพานส่งน้ำและที่ตั้งของน้ำพุ
น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง ที่เป็นจุดจบ ของสะพานส่งน้ำแวร์จิเน (Acqua Vergine) , สะพานส่งน้ำเวอร์โก (Aqua Virgo) และสะพานส่งน้ำของโรมันโบราณ ในปี 19 ก่อนคริสต์ศักราชมีตำนานที่ว่าเจ้าหน้าที่โรมันพบแหล่งน้ำสะอาดราว 13 กิโลเมตรจากตัวเมืองด้วยความช่วยเหลือของสาวพรหมจารี (ภาพนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของน้ำพุปัจจุบัน) แต่เมื่อสร้างสะพานส่งน้ำขึ้นสะพานก็ยาวถึง 22 กิโลเมตร สะพานส่งน้ำ “สะพานส่งน้ำเวอร์โก” นี้ส่งน้ำมายังโรงอาบน้ำของมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา และใช้เป็นสะพานส่งน้ำสำหรับเมืองโรมเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปี การเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวเมืองโรมเกิดขึ้นเมื่อชนกอธที่ล้อมกรุงโรมระหว่างปี ค.ศ. 537 ถึงปี ค.ศ. 538 ทำลายสะพานส่งน้ำ โรมันยุคกลางจึงต้องหันมาใช้น้ำจากบ่อและจากแม่น้ำไทเบอร์ซึ่งใช้เป็นท่อระบายน้ำโสโครกไปด้วย ประเพณีโรมันคือการสร้างน้ำพุอันสง่างามตรงปลายสุดของสะพานส่งน้ำมารื้อฟื้นกันอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ในปี ค.ศ. 1453 สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 ก็ทรงซ่อมสะพานส่งน้ำแวร์จิเนเสร็จและทรงสร้างอ่างน้ำพุง่ายๆ ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมนุษย์นิยมลีออน บาตติสตา อัลเบอร์ติเพื่อเป็นการฉลองน้ำที่มาถึง
การว่าจ้าง, การก่อสร้าง และ การออกแบบ
ในปี ค.ศ. 1629 สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 ก็ทรงพบว่าน้ำพุเดิมไม่ใหญ่โตพอ พระองค์จึงทรงให้จานโลเรนโซ แบร์นินีออกแบบน้ำพุใหม่ แต่เมื่อเออร์บันสิ้นพระชนม์โครงการก็ระงับไป สิ่งที่แบร์นินีทำคือย้ายที่ตั้งของน้ำพุไปทางอีกด้านหนึ่งของจตุรัสให้หันไปทางวังคิรินาล (Quirinal Palace ) แม้ว่าโครงการของแบร์นินีจะเป็นการรื้อทิ้งสำหรับน้ำพุซาลวิ แต่ก็ยังมีร่องรอยของแบร์นินีในน้ำพุที่สร้างใหม่ ร่างที่ออกแบบโดยเปียโตร ดา คอร์โทนาก็ยังคงรักษาไว้ที่อัลแบร์ตินาในเวียนนาและอีกหลายแบบที่เขียนกันในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18แต่ไม่ได้ลงชื่อ และโครงการที่เชื่อกันว่าเป็นของนิโคลา มิเคตติ[5] อีกแบบหนึ่งเชื่อว่าออกโดยเฟอร์ดินานโด ฟูกา[6] and a French design by Edme Bouchardon.

ซาลวิเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1751 เมื่อน้ำพุสร้างไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ก่อนที่จะเสียชีวิตซาลวิก็จงใจที่จะซ่อนป้ายช่างตัดผมที่ไม่ต้องตาโดยการซ่อนอยู่ข้างหลังแจกันใหญ่ที่เรียกว่า “asso di coppe”
น้ำพุเทรวีสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1762 โดยโจวานนิ เปาโล ปานนินิ (Giovanni Paolo Pannini) ผู้สร้าง “ทริเวีย” สาวพรหมจารีแทนที่อุปมานิทัศน์ของอกริพพาที่วางไว้แต่เดิม
ตามธรรมเนียมแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำพุเทรวี่แห่งนี้ ควรจะโยนเหรียญ 1 เหรียญลงไปในสระ โดยมีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญลงไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง
อาหาร
อาหารอิตาลี เป็นอาหารประจำชาติของประเทศอิตาลี แบ่งตามประเภทของอาหารในแต่ละมื้อได้ดังนี้
· อาหารว่างและของกินเล่นระหว่างมื้อ ที่เป็นที่รู้จักดีคือพิซซา โดยพิซซาในอิตาลีจะเป็นแผ่นแป้งอบทาซอสมะเขือเทศ แต่งหน้าด้วยเนื้อสัตว์ มะเขือเทศ หรือเห็ด เน้นที่ชีสยืดเหนียวด้านบน

· อาหารจานหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์ล้วนที่ปรุงด้วยวิธีการต่าง ๆ กินคู่กับผักและมันฝรั่ง ถ้าเป็นเมืองชายฝั่งทะเลจะเน้นเนื้อปลา ถ้าเป็นทางตอนเหนือจะเน้นเนื้อวัวและเนื้อแกะ
· ของหวาน ของหวานที่พบบ่อย ได้แก่ ไอศกรีมที่กินกับผลไม้สด ปันนากอตตา และซาบาลโยเน
ของที่ระลึก
ของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น พวงกุญแจ ที่ทับกระดาษ ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ
ทองคำ อิตาลีเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องทองคำ ด้วยการออกแบบที่เก๋ ทันสมัย บวกกับปริมาณทองคำ 75 % จึงทำให้มีรูปแบบ รูปทรงต่างออกไปจากบ้านเรา แนะนำว่า ร้านขายทองตามเมืองใหญ่ ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวอย่างโรม เวนิส ราคาจะแพงกว่าร้านค้าในเมืองเล็ก ๆ ค่ะ ราคาทองคำที่นี่จะขึ้นอยู่กับเจ้าของร้านเป็นผู้กำหนด เครื่องหนัง คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องหนังคุณภาพดี made in italy ได้จากตลาดนัด หรือร้านรวงตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากสินค้าแบรนด์เนม GUCCI, PRADA, DOLCE & GABBANA, FENDI, GIORGIO ARMANI, VERSACE, BULGARI และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนแหล่งช้อบตามเมืองต่าง ๆ ได้แก่ Via dei Condotti (แถวบันไดสเปน),Via Montenapoleone fashion (มิลาน)หรือจะเป็นตาม outlet เช่น The Mall (ฟลอเร้นซ์), outlet ในเครือ fashion district, Serravalle designer outlet ในเครือ McArthurglen (outlet ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป)
ที่พัก
· โรงแรม Albergo Cavalletto & Dogi Orseolo
· Hotel Al Ponte Mocenigo
· Al Ponte Antico Hotel
· Hotel Canal Grande
· Residence Corte Grimani
ที่มา :
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B5